สถานการณ์ไวรัสโคโรนาวันนี้เข้าขั้นวิกฤติ ขนาดของความสูญเสียสูสีกับสมัยวิกฤติโรค SARS (Severe Acute Respiratory Syndrome) เมื่อปี 2003 โดยครั้งนั้นมีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 คน และเสียชีวิตถึง 774 คน
ถ้านับตัวเลขของเช้านี้ (31 มกราคม) มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 9,692 คนและเสียชีวิตไปแล้วถึง 213 คน และอัตราการติดเชื้อยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
แน่นอนว่ามันย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโลก
คาดการณ์กันว่า GDP ของจีนไตรมาสนี้จะโตต่ำกว่า 4% เมื่อเทียบกับ 6% ในไตรมาสก่อนหน้า
มลฑลหูเป่ย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองอู่ฮั่นนั้น เป็นฮับใหญ่ของการผลิตรถยนต์และอะไหล่ระดับโลก ทั้งฮอนด้า เปอร์โยต์ เยนเนอรัลมอเตอร์ และเรโนลต์ ต่างก็มีโรงงานของตัวเองอยู่ที่นั่น ยังไม่นับโรงงานอะไหล่อีกเป็นพันโรง
นอกจากนั้นมลฑลใกล้เคียงล้วนเป็นฮับทางเศรษฐกิจอันสำคัญของจีนทั้งสิ้น เช่น เจียงซู ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลักอย่างซ่างไฮ่และหนานจิง และเจ้อเจียง ซึ่งเป็นฮับสำคัญของอุตสาหกรรมยาและไบโอเทค
ประมาณกันว่า 80% ของสารตั้งต้น หรือ Active Ingredient ที่ต้องใช้ในการผลิตยานั้นผลิตกันในประเทศจีน ถ้าหากยังสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไม่ได้ โอกาสจะเกิดผลกระทบต่อ Global Supply Chain ย่อมมีมาก
คือเรื่องที่เฟซบุ๊กเขาเปิดหน้ามาบอกว่าเขาตามสืบข้อมูลส่วนตัวของเราผ่านแอปพลิเคชันและเว็บอื่น แม้แต่ตอนที่เราไม่ได้ใช้เฟซบุ๊ก เขาก็ยังตามมาดูเราได้
โดยเฟซบุ๊กทำความร่วมมือกับเจ้าของเว็บและแอปเหล่านั้นให้ตามสอดส่องกิจกรรมของเรา แล้วรายงานให้เฟซบุ๊กรู้ และเฟซบุ๊กจะจ่ายให้กับกิจการเหล่านั้น
ไม่ว่าเราจะโอนเงินให้ใคร จะซื้ออะไร จากแพลทฟอร์ม E-Commerce เจ้าไหน ส่งอีเมลหาใคร…เฟซบุ๊กก็จะรู้
พวกเราลองมาดูกันได้ว่าเขาร่วมมือกับเจ้าใดบ้าง
ให้คลิกไปที่ “Settings & Privacy” แล้วเลือก “Settings” แล้วเลื่อนลงล่างมาที่ “Your Facebook Information” แล้วคุณก็จะเจอ “Off-Facebok Activity” ….ลองคลิกดูว่าใครสอดแนมคุณ แล้วเอาไปบอกเฟซบุ๊กบ้าง
อย่างของเราเจออยู่ 202 แอปบวกเว็บ (ลองดูที่รูปประกอบ)
นี่เท่ากับแอปเกือบทุกแอปที่เราโหลดมาไว้ในสมาร์ตโฟน ล้วนแต่เป็นไส้ศึกทั้งนั้นเลย
เฟซบุ๊กนั้นเก่งเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่สมัยที่มันส่งคุกกี้มาในเครื่องเราแล้ว เพื่อตามดูกิจกรรมของเราทุกหนแห่ง
แล้วมันก็เอาข้อมูลของเราไปขายให้กับคนลงโฆษณาที่จ่ายให้มันสูงที่สุด…คือเอาข้อมูลของเราไปประมูลขาย โดยมันไม่เคยมาแบ่งเงินให้เราเลย ทั้งๆ ที่ตัวมันรวยเอา รวยเอา
แต่เข้าใจว่าที่มันต้องมาเปิดเผยแบบนี้ คงเป็นเพราะถูกกดดันมาจากนักการเมือง เลยต้องทำทีว่าโปร่งใส
ทว่า มันย่อมไม่คิดจะหยุดสอดแนมชีวิตเรา เพราะถ้ามันหยุด รายได้มันก็จะหยุด แล้วมันก็ต้องตาย
ถ้าเราคิดจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของเรา มีทางเดียว คือต้องเลิกใช้เฟซบุ๊กโดยเด็ดขาด
แล้วพบกับใหม่
31 มกราคม 2563